| |||
แต่ที่โปรตอนขึ้นบัญชีเป็นคู่แข่งหลักจริงๆ แล้ว มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น คือ นิสสัน มาร์ช, เชฟโรเลต อาวีโอ และฟอร์ด เฟียสต้า(1.4L)… จริงๆ แล้วโปรตอนชิงเข้าสู่ตลาดนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่เริ่มประเดิมกับ “โปรตอน แซฟวี”(Savvy) ในแบบแฮ็ทช์แบ็ก หรือ 5 ประตู ซึ่งถือว่าชนกับ นิสสัน มาร์ช มากกว่าเสียอีก ดังนั้นการเปิดตัวรุ่นซาก้าจึงน่าจะเป็นการชิงเปิดเกมอีกครั้ง ก่อนที่รุ่น 4 ประตูของนิสสันจะออกมาในปีนี้ และยังเป็นการป่วนกลุ่มรถซับคอมแพกต์อย่าง ฟอร์ด เฟียสต้า หรือเชฟโรเลต อาวีโอได้อีกด้วย จะว่าไปโปรตอน ซาก้า ถือเป็นเวอร์ชั่น 4 ประตูของรุ่นแซฟวีก็ได้ เพราะใช้โครงสร้างแชสซีส์เดียวกัน แต่ได้มีการขยายฐานล้อให้ยาวขึ้นเป็น 2,465 มม. รวมถึงห้องเครื่องยนต์ที่ได้มีการขยายปรับปรุงใหม่ เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ | |||
ขณะที่เมื่อมาดูโปรตอน ซาก้า ยังคงมาในแบบรถเจเนอเรชันก่อน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับมาจากค่ายรถญี่ปุ่น ทำให้ภายในห้องโดยสารไม่ได้กว้างขวาง หรือแตกต่างจากคู่แข่งมากนัก เช่นเดียวการออกแบบเส้นสายภายนอก ตั้งแต่เสาหน้ายาวไปจนถึงด้านหลัง โดยสูงโค้งไม่เพรียวเช่นการออกแบบรถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน ยังดีว่าช่วงหน้าเส้นสายดูร่วมสมัยหน่อย ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า กระจัง และกันชนหน้า สำหรับวัสดุอุปกรณ์ภายใน คงต้องบอกว่าคุณภาพยังเป็นรองคู่แข่งรถญี่ปุ่นอยู่พอสมควร แต่การประกอบค่อนข้างใช้ได้ หากเทียบกับรถจากจีนยังถือว่าดีกว่าเบาะนั่งเป็นผ้าดูแบนๆ บอบบาง ทำให้หวั่นใจเวลาเดินทางไกลน่าจะแย่แน่ๆ ปรากฎว่าวิ่งเช้ายันบ่ายคล้อยร่วม 400 กิโลเมตร กลับไม่เป็นปัญหาให้คิดถึงมันอีกเลย แม้จะไม่โอบกระชับนั่งสบายมากนัก ซึ่งกับราคาระดับนี้ก็พอใช้ได้ | |||
รับทราบกลุ่มเป้าหมายและคู่แข่ง ตลอดจนสำรวจตรวจตราภายนอกและในแล้ว จึงได้เริ่มลองสมรรถนะการขับขี่บ้าง โดยคันที่ใช้ลองขับเป็นรุ่นท็อป หรือเรียก Medium Line ส่วนจุดหมายปลายทางที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ตามโปรแกรมจะต้องนอนพักคืนหนึ่ง แต่เนื่องจากช่วงนี้มีภารกิจเยอะหน่อย จึงขอไปแบบเช้า-เย็นกลับแทน ความรู้สึกแรกเมื่อล้อหมุน พวงมาลัยหนักเอาการเลย จะว่าคุ้นเคยกับรถญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆ ที่พวงมาลัยค่อนข้างเบา เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานในเมือง รวมถึงตอบโจทย์ให้คุณผู้หญิงทั้งหลาย แต่เมื่อมาคิดดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่ เพราะยังมีรุ่นที่ให้ความรู้สึกกำลังดี ไม่เบาหรือหนักเท่านี้อยู่ 1-2 รุ่น เหตุนี้จึงค่อนข้างเชื่อได้เลยว่าไม่น่าจะถูกใจผู้หญิงแน่นอน และวงเลี้ยงค่อนข้างกว้างกว่าคู่แข่ง ยิ่งทำให้การใช้งานในเมืองด้อยลงไปอีก อย่างไรก็ตาม ความแม่นของพวงมาลัยค่อนข้างดี ยิ่งเมื่อคุ้นเคยกับน้ำหนักของมัน การขับขี่ฝ่าการจราจรของกรุงเทพฯ ในเช้าวันทำงานจึงไหลลื่นทีเดียว | |||
จนหลุดเข้าสู่เส้นพระราม 2 ถนนโล่งเริ่มกดคันเร่งได้เต็มที่ ช่วงแรกอาจจะเค้นบางนิดหน่อย แต่เมื่อติดลมบนแล้ววิ่งปร๋อทีเดียว ช่วงตีนปลายของโปรตอน ซาก้า ให้ความรู้สึกถูกใจกว่ารุ่นมาร์ชเล็กน้อย ย่านความเร็วที่ใช้ประมาณ 120-140 กม./ชม. เป็นความเร็วที่มั่นใจได้ รอบเครื่องยนต์ค่อนข้างสูง 4,000 รอบ/นาที และก็มาพร้อมกับเสียงทำงานของเครื่องยนต์ที่ดังมาก แม้จะเปิดเครื่องเสียงกลบ แต่คุณภาพเสียงก็ช่างย้อนยุคเสียอีก การทดสอบคราวนี้เลยแซวเล่นๆ กับเพื่อนสื่อมวลชนที่ไปคันเดียวกัน… “เรามาทดสอบรถสไตล์เรโทร(Retro) หรือเปล่า?” | |||
ส่วนเบรกแรกๆ ต้องทำความคุ้นเคยเช่นกัน เพราะแป้นเบรกดูจะสูงกว่าคันเร่งผิดปกติ ไม่ได้อยู่ในระนาบเดียวกัน หรือต่างกันเล็กน้อย ลองถามเพื่อนสื่อมวลชนที่ขับคันอื่นๆ ก็พูดคล้ายกัน และเบรกค่อนข้างตื้น เผลอกระแทกแรงหน่อยหัวทิ่มได้เหมือนกัน โดยระบบเบรกของซาก้าด้านหน้าดิสก์เบรก และหลังเป็นดรัมเบรก ขณะที่อุปกรณ์ความปลอดภัย ต้องบอกว่าโปรตอน ซาก้า ใจถึงทีเดียว โดยในรุ่น Medium line มาพร้อมกับแอร์แบ็กคู่หน้าเลย สำหรับอัตราสิ้นเปลือง ตั้งแต่เริ่มสตาร์ทมีน้ำมันเต็มถัง และวิ่งจนไฟเตือนขึ้น ระยะทางที่วิ่งไป 370 กิโลเมตร แวะเข้าปั๊มเติมน้ำมันคืนไปเต็มถัง 32 ลิตร เบ็ดเสร็จสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 11.5 กิโลเมตร/ลิตร เห็นแล้วซดเอาการทีเดียว เมื่อเทียบกับรถเล็กกลุ่มเดียวกัน แต่ในเอกสารแนะนำ 1 ในจุดเด่นหลายข้อของ โปรตอน ซาก้า นับเป็นรถที่เหมาะกับการติด LPG แล้วก็เลยได้แต่ยิ้ม | |||
| |||
|
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
PROTON SAGA ราคาโมเดิร์น อารมณ์เรโทร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น